วัตถุประสงค์
เพื่อนำผู้ป่วยเข้าสู่วงจรไตเทียมที่มีความถูกต้อง
เที่ยงตรงและปลอดภัยจากภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากตัวผู้ป่วยและภาวะแทรกซ้อนทางเทคนิค
วิธีปฏิบัติ
ขั้นตอนที่
1 ตรวจสอบแผนการรักษา
Special order และ Standing order เตรียมเวชภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้
พร้อม เช่น Glucose, Antihistamine,
PRC, Blood sample tube, Blood set, O2, EKG monitor
เป็นต้น
ขั้นตอนที่
2 เมื่อผู้ป่วยมาถึงกล่าวทักทายต้อนรับผู้ป่วย
นำผู้ป่วยไปยังเครื่องไตเทียม พร้อมทั้งตรวจดูชื่อ
ตัวกรองเลือดร่วมกับผู้ป่วยให้ถูกต้อง
จัดให้ผู้ป่วยนั่งหรือนอนในท่าที่สบาย ผ่อนคลาย
ประเมินอาการผู้ป่วย
ขั้นตอนที่ 3 ตรวจเช็คความถูกต้องของเครื่องไตเทียมและวงจรไตเทียม พร้อมทั้งปรับตั้งตามแผนการรักษาดังนี้
3.1
ส่วนหน้าจอเครื่องไตเทียม ด้านบนสุด ตรวจเช็คความถูกต้องตามลำดับ คือ
-
ลบข้อมูล Fluid Remove ให้เป็น 0 เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการขจัดน้ำส่วนเกินได้ถูกต้องตามจำนวนที่กำหนด
-
ตั้งเวลาการฟอกเลือดตามแผนการรักษา 4 ชั่วโมง
-
ตั้ง UF Goal ตามแผนการรักษา
-
ตั้ง Dialysate flow ตามแผนการรักษา (Standing order) หรือให้มี Adequacy
HD
-
ตั้งอุณหภูมิเครื่องไตเทียมตามสภาวะของผู้ป่วย
ระหว่าง 35.3
– 37.0 ํC
โดยดูอุณหภูมิร่างกายผู้ป่วยเป็นหลักผู้ป่วยที่มีความดันต่ำจะตั้งต่ำกว่าอุณหภูมิร่างกายเล็กน้อย
-
ตรวจค่าแรงดันตั้งต้น AP = 0, VP = 0, TMP =
20-50 mmHg, UF = 0
3.2 ส่วน Blood part เป็นส่วนถัดลงมาใต้จอเครื่อง
ตรวจเช็คความถูกต้องตามลำดับ คือ
-
ปรับ BFR ให้ Circulate ไว้ที่ 150-200 ml/min
-
ตรวจ Clamp IV ให้ปิดสนิททั้ง 2 ตำแหน่ง ได้แก่ IV line และ IV set
-
ตรวจการต่อสาย Heparin line กับ Syringe ให้แน่น และ Set Heparin rate ให้หมดก่อนเวลา HD
1 ชั่วโมง
-
ตรวจฟองอากาศ ที่ Filter ของ Venous chamber
ถ้าพบต้องขจัดออกให้หมด โดยปลดออกมาและใช้ Clamp เคาะให้ลอยขึ้นให้หมด
-
ตรวจการต่อ Transducer ให้แน่นสนิททุกรอยต่อ
ส่วนที่ต่อกับปลายสาย VP และส่วนที่ต่อกับเครื่องไตเทียม
-
ตรวจการปิด Clamp และจุกปลายสาย Med line ให้สนิท
-
ตรวจการใส่ Venous line เข้าใน Line clamp
-
ตรวจการปิด champ และจุกปลายสาย Arterial positive pressure line ให้สนิท
-
ตรวจการกลับขั้ว Venous ของ Dialyzer ขึ้น เพื่อไล่ฟองอากาศที่ตกค้าง
3.3 ส่วน Fluid part เป็นส่วนลางสุดของเครื่อง
-
ตรวจชนิดน้ำยา Dialysate อีกครั้ง
ให้ถูกต้องตามแผนการรักษา
-
ตรวจค่า CD ให้ค่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ 13.5
– 14.5 mEq/L
ขั้นตอนที่4 เชื่อมต่อวงจรไตเทียม
ทำหลังจากปฏิบัติขั้นตอนการใช้ Vascular access เรียบร้อยแล้ว
ดังนี้
4.1 เก็บ Sample blood ตาม Artery ปล่อยเลือดออกมาช้าๆจนเกือบเต็ม extension
tube แล้ว Clamp Blood line A (ไม่ควรปล่อยเลือดจนถึงปลาย
extension tube เพราะเวลาต่อเชื่อมเลือดจะล้นเปรอะเปื้อน)
4.2 Stop Blood pump พร้อมทั้ง Clamp
ปลายตรงของ Arterial และ Venous blood
line
4.3 ปลดแยกปลาย Arterial และ
Venous blood line ออกจากกัน โดยให้ฝาครอบสีขาวติดอยู่กับ
Venous blood line แล้วหย่อน Venous blood line ลงถังน้ำทิ้ง พร้อมทั้งเปิด Clamp ปลายตรงของ Venous
blood line
4.4 Spray ปลาย Arterial
blood line ด้วย 70%Alcohol สะบัดให้แห้งหมาดๆ
4.5 ต่อปลาย Arterial blood line เข้ากับปลายเข็ม Artery ให้สนิทไม่ให้เลือดเปื้อนถุงมือ
ไม่ให้มีฟองอากาศ และตรึงด้วย Roller lock กันหลุด
4.6 เปิด Clamp ปลาย Arterial
blood line และ extension tube ของเข็ม Artery
แล้วเปิด Blood pump ช้าๆด้วย BFR 200
ml/min สังเกตอาการผู้ป่วยพร้อมทั้งตรวจดู Blood flow โดยดูที่ pillow ของสาย Arterial blood line ถ้าตึงดี ไม่ Collapse แสดงว่า Blood flow ดี
4.7 ทำการ milking blood line เหนือขั้ว vein ของ Dialyzer เพื่อไล่ฟองอากาศที่ตกค้าง
พร้อมกับสังเกตอาการผู้ป่วยตลอดเวลา รอให้เลือดเข้าแทนที่ NSS ใน Blood circuit จนถึง Chamber Vein ให้ปิด Blood pump
4.8 ปิด Clamp ปลาย Venous blood line ก่อนนำขึ้นจากถังน้ำทิ้งและปลดฝาครอบสีขาวออก
Spray ปลาย Venous
blood line ด้วย 70%Alcohol
สะบัดให้แห้งหมาดๆต่อเข้ากับเข็ม Vein โดยปลด Syringe
ที่ต่อ Flash
Heparin ไว้ออก และตรึงเข้าหากันด้วย Roller lock ไม่ให้มีเลือดเปื้อนถุงมือและต้องไม่มีฟองอากาศ
4.9 เปิด Clamp ให้ครบทั้ง
3 แห่ง ปลาย Venous blood line, extension tube ของเข็ม Vein, Clamp Venous Pressure detector line
4.10 เปิด Blood pump ด้วย
Blood flow rate 150-200 ml/min พร้อมกัน
ต้องดูอาการเจ็บปลายเข็ม Vein ผิวบวมขึ้น และการสูงขึ้นของค่า Venous pressure (ถ้าผู้ป่วยมีอาการผิดปกติดังกล่าวให้ปิด
Blood pump และ Clamp ปลายสาย Venous
blood line ทันที ทำการแก้ไขปัญหา โดยปรับตำแหน่งเข็ม
หรือแทงเข็มใหม่ถ้ามีการแตกของเส้นเลือด
โดยต้องทำการห้ามเลือดจนเส้นเลือดไม่มีอาการบวมตึง จึงเริ่มแทงเข็มใหม่)
4.11 ถ้า Blood flow ดี
pillow โป่งตึง และเข็ม AVF ไม่ Leak
ค่อยๆเพิ่ม BFR เป็น 300 ml/min กลับ Dialyzer ขั้ว A ขึ้น
และเปิด UF
4.12 วัด Vital signs สังเกตอาการ
และซักถามเพื่อประเมินอาการผิดปกติของผู้ป่วย ดังนี้
-
ความดันโลหิตต่ำลง : ไม่สุขสบาย เวียนศีรษะ
หน้ามืด ตาลาย
-
ความผิดปกติของหัวใจ : ใจสั่น เจ็บหน้าอก
-
แพ้ peracetic : ปวดแสบปวดร้อนตามเส้นเลือด
ถึงหัวใจ จุกแน่น หายใจขัด ความดันโลหิตต่ำลง เหงื่อออกตัวเย็น
-
First
use syndrome : ความดันโลหิตสูง เหงื่ออก หน้าแดง
มีริมฝีปากและผิวรอบดวงตาบวมหนาขึ้น จุกแน่น หายใจขัด ถ้าพบอาการดังกล่าวต้องให้การแก้ไขปัญหาเบื้องต้นตาม protocols หรือต้องหยุด HD และรายงานแพทย์ทันที
เพื่อให้การแก้ไขอย่างถูกต้องเหมาะสม พร้อมทั้งอยู่ใกล้ชิดผู้ป่วย
ติดตามจนอาการดีขึ้น จึงเริ่มฟอกเลือดตามแผนการรักษาต่อ
4.13 ถ้าผู้ป่วยปกติดี
จัดสาย Arterial และ Venous blood line ให้เรียบร้อย ปิดด้วย
Tran spore ให้แน่นบนผิวหนัง โดยให้ Extension
tube ของเข็ม Artery และ Vein
flexible ได้
เพื่อกันการดึงรั้งและเข็มอาจหลุดได้ ควรปิดปลาสเตอร์บน Arterial และ
Venous blood line
4.14 ตรวจความเรียบร้อยของเครื่องไตเทียมอีกครั้ง
โดยดูค่าต่างๆหน้าเครื่อง : BFR,
Conductivity,Venous
pressure, Trans-membrane pressure (TMP),
UF goal, UF rate,
Temperature, Dialysate
flow, ชนิด Dialysate และตรวจการเปิด UF
อีกครั้ง
4.15 ตรวจ Blood
circuit อีกครั้ง ดังนี้
- สายไม่มีการหักพับที่จุดใดๆ
- หน้า Blood
pump ไม่มี Air emboli ตลอดสาย
- หลัง Blood
pump ไม่มี Blood leakage ที่จุดต่างๆตลอดสาย
4.16 บันทึกรายงานในใบ Hemodialysis
Flow sheet และทำการปรับแต่งวงจรไตเทียมในขั้นตอน
ต่อไป
หมายเหตุ
เพื่อไม่ให้เกิดการ Collapse ของ
Dialyzer Membrane และมีการดึงฟองอากาศเข้า Blood
compartment เกิด Clot ใน Dialyzer ส่งผลให้ Reuse ยาก Dialyzer เสียประสิทธิภาพ
จึงไม่ควร On UF ก่อน
ถ้า Blood flow ยังไม่ Stable ด้วยสาเหตุจากเข็ม
Artery มีปัญหา หรือเครื่องไตเทียมมี Alarm และBlood pump หยุดเป็นระยะๆ ต้องทำการแก้ไขปัญหาจน Blood
flow stable จึง On UF ได้
หนังสืออ้างอิง
หน่วยไตเทียมมูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทย
ณ ตึกกัลยาณิวัฒนา โรงพยาบาลสงฆ์.แนวทางปฏิบัติเรื่อง
ขั้นตอนการเริ่มฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น